@ เพิ่งเคยเห็นนายกฯคนแรกนี่แหละ ที่สนับสนุนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์
@ แด่..มนุษย์เงินเดือน "อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"
@ สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)
@ ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม
@ ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!
@ ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ
@ มือหยาบกร้านคู่นั้น มีแต่เส้นเอ็นปูดโปน...ทำให้ผมนึกถึงมือของผู้หญิงคนหนึ่ง...
@ สาระน่ารู้... เขาซื้อทองคำ ขายทองคำ กันอย่างไร?????
@ "ลื้อมีร่มมั้ย??..." แค่คำนี้แหละ ที่ทำให้นิสัยผมเปลี่ยนทันที
@ เฮ้อ!! ณ นาทีนี้..บอกได้คำเดียว เสียดาย..เสียดายครับ...นโยบายดีๆที่คน กทม. ไม่เอ๊า..ไม่เอา...
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...
รัฐสภาลงมติ "รับหลักการ ร่างแก้ไข รธน. ทั้ง 3 ร่าง"
เล่าให้ฟังโดย: ji-ju
1. ร่างที่ 1 ที่มาของ สว.... รับหลักการ 367 ไม่รับหลักการ 204 งดออกเสียง 34
2. ร่างที่ 2 มาตรา 190..... รับหลักการ 374 ไม่รับหลักการ 209 งดออกเสียง 22
3. ร่างที่ 3 มาตรา 68,237 รับหลักการ 374 ไม่รับหลักการ 206 งดออกเสียง 25
(รัฐสภา 3เม.ย.2556) ปิดอภิปราย 23.33 น. โหวตเสร็จ 00.55 น. มีสมาชิกรัฐสภาเข้าห้องประชุม 428 คน จาก 645 คน ขาด 227 คน ต้องได้เสียงเกิน 323 คน (ตอนหลังก็เข้ามาเพิ่ม)
การลงมติร่างแก้ไข รธน. ใช้วิธีเรียกชื่อครั้งเดียวโหวต 3 ร่างในคราวเดียว
สว.เลือกตั้งปทุมธานี เสนอปิดอภิปราย พักประชุม 20 นาที มติปิดอภิปราย 23.33 น. แล้วลงมติวาระ 1 โดยเปิดเผยทีละคนจนครบ แต่กว่าจะประกาศผลคะแนนได้เวลา 01.20 น.
จำชื่อนี้ไว้ประชาชนคนไทย! "พรรค ปชป." เสียดายภาษีประชาชนเหลือเกินทั้งที่มีเวลาให้อภิปราย แต่วอคเอ้าท์ทั้ง 3 วัน
ประหลาด "กรณ์ จาติกวนิช" ไม่มายกมือโหวตไม่รับหลักการ หายตัวไปเลย อีกทั้งการอภิปรายคราวนี้ "กรณ์" ไม่พูด "พาดพิง" ใครบางคนเหมือนเคย กระทั่งไอดีเมียสุดที่รัก "ยังเงียบกริบ"
เกี่ยวอะไรกับดอดไปนั่งกลางโรงแรมดังหรูในเกาะฮ่องกงต้นสัปดาห์ก่อน????????????????????????????????
ฮือฮา รังสิมา รับหลักการ ทั้งสามร่าง ก่อนหายง่วง ปฏิเสธ ไม่รับทั้งสามร่าง
อ้าว!! ร.ต.อ.ปุรชัย เปี่ยมสมบูรณ์ คนดี!! ที่ร่าง รธน.50 มากับมือ ไม่รับทั้ง 3 ร่าง นี่หรือคนดี ไม้บรรทัด
ประธานวุฒินิคม งดออกเสียงทั้ง 3 ร่าง
ประธานสมศักดิ์ งดออกเสียงทั้ง 3 ร่าง
คงต้องเปลี่ยน นายชวน หลีกภัย เป็น นายชวน หน้าแหก ยืนอ้อนวอน ขอประธานถึง 2 ครั้ง แต่ไร้ความหมาย ประธานและสมาชิก ไม่ให้ราคา
ฮา!! ทั้งประเทศ ไร้ราคา!! นายชวน หลีกภัย คิดว่าจะอาศัยความเก๋า และแสดงตนเป็นผู้มากบารมี ถ่อสังขาร ยืนอ้อนวอนขอเปิดอภิปรายต่อ แต่ไร้ความหมาย
ปชป.กับวุฒิสภาสายอนุรักษ์นิยม ตีรวนถอนตัวไม่ยอมเป็นกรรมการตรวจนับคะแนนลงมติ
ชวน คงต้องกลับไปทบทวนเงาหัว สส.ปชป.ที่วอล์คเอาท์เพื่อสร้างภาพอันทรงพลังกล้า ค้านรัฐบาลนายกฯปูหวังให้สาวกคงความศรัทธา แบบว่าผิดแผน?
ชวน หลีกภัย ใหญ่มาจากไหน จะเสนออะไร ในที่ประชุมต้องทำตามและเห็นด้วยทุกอย่างหรือ อย่าทำตัวเป็นผู้มากบารมี ในสภา รัฐสภาทำถูกต้องแล้วที่ไม่ฟัง
เค้าให้อภิปราย ก็วอล์คเอ้าท์ พอหมดเวลาก็มาโวยว่าปิดหูปิดตา << อุปมา ให้เวลาทำข้อสอบแต่ไม่ทำ แต่พอหมดเวลาก็โวยว่ากลั่นแกล้งผู้เข้าสอบ
ไม่ได้ปิดหูปิดตาใดๆ กติกากำหนดไว้ชัดว่า 3 วัน ก็ต้องจบที่ 3 วัน แต่ตัวเองวอล์คเอ้าท์ ไม่อภิปรายเองครับ!
ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 3 คณะ คณะละ 45 คน ให้ระยะเวลาในการแปรญัตติ 15 วัน ซึ่งจะนัดแปรญัตติครั้งแรกในวันพรุ่งนี้ (4 เมษายน 56) เวลา 11.00 น. ณ ห้องกรรมาธิการ 213 - 214 อาคารรัฐสภา
ตอนแรก ปชป. จะให้ใช้ระยะเวลาการแปรญัตติ 60 วัน (กะจะยืดเวลา) แล้วขอมติในที่ประชุม ปธ. ก็ขอให้นับองค์ประชุม นับได้ 295 ไม่ถึงครึ่งสภา ทำให้สภาล่ม มีผลให้คงระยะเวลา 15 วันเท่าเดิม
ข้อที่น่าสังเกต มีคะแนนจากพรรคภูมิใจไทย กับ สว.เลือกตั้ง เข้ามาช่วยโหวต
จึงเป็นสัญญาณที่ดีว่า การโหวตทั้งสามวาระ ไม่น่ามีปัญหา (ถ้าไม่โดนเตะตัดขาเสียก่อน โดย ตลก. ศาล รธน.)
เปรียบเทียบหน้าที่ของ ศาลรัฐธรรมนูญ กับ หุ่นยนต์
By: สานครศรี
หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
1. เป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ทำตัวใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ
2. ทำหน้าที่วินิจฉัยว่า กฎหมาย(พรบ.,พรก,พระราชกฤษฎีกา,กฎกระทรวง,ระเบียบ,คำสั่งฯลฯ) ที่ตราใช้บังคับขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ไม่อนุญาตให้ทำนอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญกำหนด
3. ไม่มีหน้าที่วินิจฉัยว่าควรหรือไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญ
4. ไม่มีหน้าที่วินิจฉัยว่าควรแก้รัฐธรรมนูญมาตราใดได้บ้าง แม้แต่มาตราที่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
5. ต้องยอมรับว่า ฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้นที่มีอำนาจตรา แก้ไข กฎหมายใดๆ รวมทั้งรัฐธรรมนูญ
หากเปรียบเทียบระหว่าง ประชาชน(ฝ่ายนิติบัญญัติ) กับ ศาลรัฐธรรมนูญ
คล้ายๆกับว่า ฝ่ายนิติบัญญัติกำลังออกแบบสร้างหุ่นยนต์ตัวหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ปกป้องประชาชน
หุ่นยนต์ตัวนี้จะมีแขนขาเยอะแยะอันเป็นกลไกไว้คอยป้องกันประชาชน เช่น แขนข้างซ้าย1(ปปช.) แขนซ้าย2(กกต.) แขนข้างขวา1(ศาลรัฐธรรมนูญ) แขนข้างขวา2(ศาลยุติธรรม) และแขนอื่นๆอีกหลายข้าง(นั่นก็คือองค์กรอิสระต่างๆที่ไม่ได้เอ่ยถึง) ซึ่งแต่ละแขนก็มีอาวุธของตนเองทั้งนั้น
วันหนึ่ง ประชาชนบอกกับ ฝ่ายนิติบัญญัติ(ทำหน้าที่คล้ายวิศวกร) ว่า แขนบางข้างดูไม่ดี หูสองข้างน่าจะขยับสักนิด ดวงตาน่าจะเพิ่มอีกหนึ่งดวงฯลฯ พูดง่ายๆว่า น่าจะปรับแบบใหม่เสียบ้าง โดยยังคงเป็นหุ่นยนต์ไว้คอยปกป้องประชาชนเหมือนเดิม
คำถามจึงมีเพียงแค่ถามว่า จะทำได้มั๊ย ถ้าทำไม่ได้เป็นอำนาจของใครที่จะมาห้ามได้ และถ้า แขนข้างขวา1 มาบอกว่า ห้ามแตะต้อง ห้ามแก้ไขนะ ไม่งั้นตรูจะฟันคนสร้างให้ขาดสองท่อน ท่านคิดว่าถูกต้องมั๊ย
เป็นการเปรียบเทียบคลายเครียดเล่นๆที่น่าสนใจดี
รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ครอบคลุมกฎหมายอื่นทั้งหมด
By: ตาเป๋า
เอาสักหนึ่งมาตรา ที่มาของ สว. มาจากเลือกตั้ง 76 มาจากแต่งตั้ง 74
74 คนที่แต่งตั้งมา เขาก็ทำงานให้คนแต่งตั้งเขา
ซึ่งคนแต่งตั้งมีแค่ 7-8 คนเท่านั้น ผลประโยชน์ตกที่ใคร
ส่วนอีก 76 คนที่มาจากการเลือกของประชาชน เขาก็ทำเพื่อประชนที่เลือกเขามา
ถ้าเราแก้เป็นให้ สว. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด สว. ทั้งหมดก็จะทำงานเพื่อประชาชน
ข้อนี้ข้อเดียว เห็นหรือยัง แก้รัฐธรรมนูญแล้วประชาชนได้อะไร ... ผมรู้สึกโง่โง่ยังไงชอบก๊ล
หนีก็ตาย สู้ก็ตาย สู้เถอะ ยังมีศักดิ์ศรี ยังมีโอกาสรอด!!!
By: ปลายอ้อกอแขม
เคยสังเกตกันหรือไม่ ทุกครั้ง ถ้าหาก สส.หรือ สว. หรือฝ่ายสนับสนุนข้างพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องใดๆให้ "องค์กรอิสระ" ตรวจสอบกับฝ่ายพรรคเพื่อไทยละก็ อภิมหาความหวาดเสียว จะเกิดขึ้นกับฝ่ายเพื่อไทยทันที ร้อนๆหนาวๆกันไปหมด เช่น คดี 30 ล้านบาทของนายกฯปู ..เพราะอะไร?
แต่ทุกครั้ง ถ้า สส.หรือ สว.หรือฝ่ายสนับสนุนข้างพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้ "องค์กรอิสระ" ตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ในทำนองเดียวกันบ้าง ดูเหมือนแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใดเลย ไร้อารมณ์ลุ้น ประเภทมีความรู้สึกว่ายื่นไปงั้นๆ ไม่ได้หวังผล เพราะรู้คำตอบว่าจะออกอย่างไร เช่น คดี ปรส. ที่ยื่นให้ ปปช.ตรวจสอบ ..จริงมั๊ย?
"องค์กรไต้ติ่งของประเทศ"เหล่านี้ ล้วนถูกตั้งขึ้นมาจาก คมช.และรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 หรือรัฐธรรมนูญฉบับ "มีวันนี้ เพราะพี่ให้" จึงพยายามอย่างหนักที่จะปกป้องตัวเอง และทำลายพรรคเพื่อไทยซึ่งต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยอาศัยตีความ ทุกช่องว่าง และรอยโหว่ของกฎหมาย ..รู้ๆกันอยู่!
และผมเชื่อโดยสุจริตใจว่า หากองค์กรอิสระเหล่านี้ ปฏิบัติกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกข้างแล้ว แม้จะมาจาก คมช.หรือต้นไม่พิษ ผมก็ยอมรับได้ ..เพราะถือว่ายุติธรรม!
แต่นี่ พ่อคุณทั้งหลาย เล่นรุมกินโต๊ะ จองกฐิน ทอดผ้าป่ากับพรรคเพื่อไทยอยู่พรรคเดียว ส่วนประชาธิปัตย์นั้น ลอยหน้าลอยตา ลอยนวลกวนส้นเท้า ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ไม่เป็นไร พวกท่านไม่เห็น ไม่รู้ หลับหูหลับตากันไป เช่นเดียวกับคดีของหม่อมสุขุมพันธุ์ ที่ถูกยื่นคัดค้านไม่รู้กี่คดี พวกท่านก็บอกหน้าตาเฉยว่า "ตรวจสอบไม่ทัน รับรองไปก่อน" ..เวรกรรม!
ความรู้สึกนี้ มันฝังใจคนส่วนใหญ่ของประเทศ เรื่อง "ความไม่เป็นกลางขององค์กรอิสระ" นับตั้งแต่การปฏิวัติมาแล้ว จึงต้องการทำทุกอย่างให้ยุติธรรม มีนิติธรรม ปลดแอกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกไป ..เอาไปทิ้งทะเล!
เห็นชัดๆอีกครา เมื่อวาน (2 เมษา) มีผู้ไปยื่นร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราและขอยุบพรรคเพื่อไทย ที่ศาลรัฐธรรมนูญ "องค์กรอิสระ" แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ต่อมขยันของ ตลก.ทำงานทันที สั่งรีบประชุมด่วน เพื่อถกคำร้องของ สว. เขย่าขวัญเพื่อไทย ..อยู่หรือไป?
ความรู้สึกว่าถูกปฏิบัติโดยไม่เป็นกลาง ไม่เท่าเทียมกัน ก็ผุดขึ้นมาในใจของคนส่วนใหญ่ทันที "เอาอีกแล้วเว้ยยย ..มันเอาอีกแล้ว" เพราะตลอดเวลา 7 ปี ถูกยุบพรรค 2 ครั้ง ถูกตัดสินให้ขาดสมาชิกภาพ สส.นับไม่ถ้วน ตัดสินจำคุกนับไม่หวาดไม่ไหว ถูกยกคำร้องแทบทุกกรณี ..เล่นอยู่ข้างเดียว!
ดังนั้น เมื่อทนไม่ไหว นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ สส.พรรคเพื่อไทย โพสท์ในเฟสบุ๊คว่า "บ่องตง! ผมเชื่อมั่นด้วยหลักการทั้งมวลว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราหรือแก้ทั้งฉบับทำได้ ไม่ขัด รธน.ไม่ล้มล้างการปกครอง ถ้าวันนี้ ตลก.รธน.รับเรื่องและคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้เดินต่อ ส.ส.ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะใช้เอกสิทธิ์เสนอโหวตวาระ 3 ที่ค้างไว้อยู่ทันที สภานี้เป็นของประชาชนอำนาจหน้าที่ในการสถาปนากฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาแทรก" ..หึหึหึ
นายนิยม เวชกามา สส.สกลนคร ทนไม่ไหว กล่าวว่า "แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สั่งให้ระงับการแก้ไขไว้ก่อน ก็ให้เอารัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ค้างวาระ 3 อยู่มาลงมติวัดกันไปเลย เพราะวันนี้เลือดเข้าตาแล้ว" ..นั่นซิ
นายจตุพร เจริญเชื้อ สส.ขอนแก่น ก็ทนไม่ไหว กล่าวว่า "รู้สึกแปลกใจมากที่กระบวนการรับคำร้องที่ กลุ่ม 40 ส.ว.ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นไปอย่างรวดเร็วทันใจ เมื่อเทียบกับกรณีการยื่นคำร้องคัดค้านการชุมนุมของกลุ่ม พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ที่ใช้เวลาตรวจสอบเอกสารหลายวัน ในที่สุดก็ยกคำร้อง" ..เห็นมั๊ย?
ส่วนนายดิเรก ถึงฝั่ง สว.นนทบรี ก็เริ่มทนไม่ไหวเหมือนกัน ทำนายว่า "เชื่อว่า ฝ่ายตุลาการจะไม่เข้ามาก้าวก่ายงานของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญกระทำในสิ่งที่ตรงข้าม จะเป็นไปอย่างที่ตนเคยวิเคราะห์ว่าจะเป็นการสร้างเงื่อนไขใหม่ ที่นำไปสู่ความขัดแย้งและนองเลือด" ..เริ่มเห็นเค้าลาง!
หากสถานการณ์ต้องเป็นไปอย่างที่คาด คือศาลฯรับเรื่อง ก็เท่ากับศาลฯนี้ "กร่าง" มีอำนาจปกครองประเทศ คงจะยอมไม่ได้ ฉะนั้น สส.เพื่อไทย ต้องหยิบร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขมาตรา 291 ที่ค้างสภาในวาระที่ 3 เอามาโหวตให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ..เป็นไงเป็นกัน!
ผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ ก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อหนีก็ตาย สู้ก็ตาย เพราะเขาตั้งใจจะฆ่าอยู่แล้ว ผมว่าสู้เถอะ เพราะยังมีโอกาสรอด ถึงแม้สู้แล้ว อาจต้องตาย แต่ก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรี และยังฝากรอยแผลให้ศัตรูได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกบ้าง ไม่ใช่ตายเหมือนห ม า..ถูกฆ่าริมถนน!!!
ศาล รธน.รับคำร้อง เขาใช้กำลังส่วนสุดท้ายเต็มที่ "สู้หรือไม่สู้" เขาก็เล่นแน่นอน
By: ลูกชาวนาไทย
ก็เป็นอันชัดเจนว่า ศาล รธน. รับคำรอง 40 สว. เรื่องการแก้ไข รธน.รายมาตรา แต่ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ก็ตีความได้ว่าเป็นการขู่ เพื่อให้หยุดนั้นเอง
ตอนนี้พวกเขา "หมดทางสู้ในทางมวลชน" แล้ว ก็ต้องใช้กำลังที่มีอยู่ส่วนสุดท้ายในการต่อต้านอำนาจของพวกเขาเต็มที่
นี่รวมทั้งเรื่อง ที่ ปปช. กำลังไต่สวนนายกฯปู กรณีเงินกู้ 30 ล้าน
** ปปช. มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง "ยิ่งลักษณ์" ปล่อยกู้ 30 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โปรดดูคำแถลงตัวเต็มเป็น PDF ที่นี่
ลูกอยู่ในเท้าเขา จะกราบ หรือขอประนีประนอม เจรจาอะไร เขาก็ต้องทุบอยู่ดี
สรุปคือ "สู้หรือไม่สู้" เขาก็เล่นคุณอยู่ดี เพราะมันเป็นศัตรูกันทางอุดมการณ์ การทำดี การประนีประนอม ไม่ใช่ทางออก มันต้องแพ้ชนะกันจึงจะจบ
การล้มนายกฯปู นั้นอาจไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง แต่พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อาจไม่ถึงกับล้ม แต่ยกอะไรขึ้นมา "ขู่" เอาไว้ก่อน
ในทางสงครามการเมืองนั้น พวกอำมาตย์ไม่มีทางได้อำนาจทางการเมือง เพราะปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตระกูลชินวัตร แต่มันอยู่ที่ "ประชาชน 15.7 ล้านคน" เขาไม่เอาระบอบอำมาตย์ จะล้มนายกฯปู เขาก็ส่งนายกฯคนใหม่ขึ้นมาแทน
ครั้งนี้ผมเสนอให้เอานายกฯพร้อมลุยเต็มที่ เพื่อแก้ปัญหาให้จบ เช่น ดร.อภิวันธ์ วิริยะชัย เป็นต้น ส่วนการตั้งนายกฯ เพื่อเอาทักษิณกลับบ้าน เพื่อจะได้เจรจากับอำมาตย์ได้ ผลมันก็ออกมาอย่างที่เห็น ถึงอย่างไร พวกเขาก็ยอมไม่ได้ เพราะมันหมายถึงการสูญเสียอำนาจทางการเมืองของพวกเขา พวกอำมาตย์เขาก็ต้องล้มให้ได้
ส่งนายกฯที่ลุยให้มันจบๆไปเลย ยังไงประชาชนก็ไม่แพ้อยู่แล้ว แต่หากเราตั้งท่าจะลุยจริงๆ พวกเขาก็ต้องประเมินกำลังว่าจะสู้ได้หรือไม่ ซึ่งยังไงก็ไม่มีทางสู้กับประชาชนได้ ยิ่งไม่มีมาสเตอร์มายด์ที่ทรงพลัง ก็ยิ่งไม่มีทางสู้ได้
แต่คงเกิดสงครามกลางเมือง และพวก "ชนชั้นนำ" นั่นแหละจะเสียประโยชน์
ยังไงสถานการณ์ตอนนี้ประชาชน ผ่านการจัดตั้งไปแล้ว ติดอาวุธทางอุดมการณ์ไปแทบหมดเลือกข้างกันอย่างชัดเจนแล้ว
ไม่มีเคล็ดลับอะไรที่จะสามารถทำให้คน 15.7 ล้านคน เปลี่ยนข้างได้
ต่อให้ไปเอาตัวดาราระดับโลกอย่าง "ทอมครูส" มาแข่ง ก็ไม่มีทางชนะหรอก วันนี้มันไม่ใช่วันที่ประชาชนเขาบ้าดารากันอีกแล้ว
ดังนั้น หากจะแตกหัก "ล้มนายกฯปู" ก็ทำไป เอาให้สะเด็ดน้ำ เกมสงครามมันจะได้เคลื่อนไปสู่จุดจบเสียที ไม่อย่างนั้นก็ดึงแข้งดึงขากันไปมาอยู่นี่แหละ
ผมต้องการให้พรรคเพื่อไทย ลุยต่อไป จะยุบพรรค หรือ ล้มนายกฯปู ก็ปล่อยให้เขาทำ ยุบพรรค ก็หาพรรคใหม่ลงไป ล้มนายกฯปู ก็ส่งนายกฯที่พร้อมลุย เข้าไปลุยใหม่ ล้มอีก ก็ส่งไปใหม่อีก เอาให้พังกันจนกว่าจะชนะ
ให้มันสะเด็ดน้ำ การเมืองไทยมันมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างระบบการคิดของประชาชน ยังไงก็ไม่สามารถรักษาโครงสร้างแบบนี้เอาไว้อีกต่อไปได้