*..รอโหลดซักกะเดี๋ยวเตง..*           วิกฤติการเมืองเรื่องฅนตอแหล..๒๕๕๕
. . . ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่สื่อสารถึง"คนเสื้อแดง"ทั่วไทยและทั่วโลก . . . ขอขอบพระคุณเจ้าของclipภาพถ่ายและบทความทุกๆท่านที่กรุณาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน . . .น้ำใจซื้อขายไม่ได้ แต่น้ำใจให้กันได้...อิอิ


PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

29... ไม่ใช่เป็นเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องทำลายการค้าข้าวของประเทศไทย

@ ภาพหนึ่งภาพ แทนคำพูดล้านคำ..
@ เพิ่งเคยเห็นนายกฯคนแรกนี่แหละ ที่สนับสนุนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์
@ แด่..มนุษย์เงินเดือน "อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"
@ สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)
@ ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม
@ ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!
@ ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ
@ สาระน่ารู้... เขาซื้อทองคำ ขายทองคำ กันอย่างไร?????
@ เฮ้อ!! ณ นาทีนี้..บอกได้คำเดียว เสียดาย..เสียดายครับ...นโยบายดีๆที่คน กทม. ไม่เอ๊า..ไม่เอา...
@ ใครคิดถึง มานี..มานะ..ปิติ..ชูใจ..วีระ.. โหลดไปอ่านรำลึกความหลังกันได้!!

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น


ได้ฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหญิงคนแรก เข้ากระทรวง 11 ก.ค.2556 เวลา 11.11 น. มีพิธีขึ้นแท่นรับทหารกองเกียรติยศจาก 3 เหล่าทัพ ถือเป็นประวัติศาสตร์ของกองทัพไทยที่มี รมว.เป็นพลเรือนหญิง



ข้าวเน่า..เหตุเกิดที่รัฐปัญจาบ ประเทศอินเดียโน่น...


ไม่ใช่เป็นเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องทำลายการค้าข้าวของประเทศไทย

วันที่ 5 ก.ค.2556 นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กรณีมีข่าวว่าผู้ส่งออกไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้าจนเป็นเหตุให้มาเลเซียและอินโดนีเซียประกาศไม่รับซื้อข้าวจากประเทศไทยนั้น ถ้ามีจริงก็จะมีการตรวจสอบแน่นอน และต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด

"อาจจะเป็นข่าวที่มีการกระซิบมา และสื่อก็นำมาตีแผ่จนกระจายไปทั่วโลก อย่างนี้ไหวหรือ ในฐานะประชาชนคนไทย ในฐานะประเทศไทย อย่างนี้ดีหรือ ผมว่าอย่าไปเล่นเลยข่าวอย่างนี้ ขอร้อง ทุกวันนี้ที่เรื่องข้าวมีปัญหา ก็มาจากพวกเรากันเองทั้งนั้น และไม่ควรจะให้ขยายวงด้วย เพราะมันเป็นการทำลายชื่อเสียงประเทศชาติ ทำลายข้าวไทย เป็นเรื่องของปัญหาระยะยาวแน่นอนหากเราไปพูดกันว่าข้าวไทยคุณภาพไม่ดี กินแล้วจะมีปัญหาทางด้านสุขภาพ ตรงนี้เป็นการพูดและเป็นการกระจายข่าวที่ไม่ใช่ทำลายพรรคการเมือง ไม่ใช่เป็นเรื่องการเมืองแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ทำลายประเทศชาติให้เสียหายในระยะยาว ซึ่งตรงนี้ก็อยากจะขอร้องกัน" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว

นายนิวัฒน์ธำรง ยืนยันว่า ต่างประเทศยังให้ความมั่นใจในคุณภาพข้าวไทย แม้ว่าราคาข้าวไทยจะแพงกว่าต่างประเทศประมาณ 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากเรายังรักษาคุณภาพข้าวได้ดี ซึ่งเรื่องการขายข้าวเรามีความตั้งใจว่าจะขยายตลาดให้มากขึ้น ตลาดเก่าก็ยังคงดูแลรักษาไว้ และจะหาตลาดใหม่เพิ่มมากขึ้นทั้ง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีนและอื่นๆ ขณะที่การเจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ก็ดำเนินต่อไป

Comment by saw: เป็นข่าวที่พูดถึงพ่อค้าข้าวส่งออก ไม่ใช่ข้าวรัฐบาลขายรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ซึ่งข้าวที่พ่อค้าส่งออกบางส่วนและส่วนใหญ่นำมาจากกัมพูชาเป็นข้าวราคาถูกคุณภาพต่ำ แล้วส่งไปขายให้ลูกค้าตามโควต้าที่ต้องส่งมอบของคู่สัญญา

ในเมื่อพ่อค้าข้าวส่งออกซื้อข้าวกัมพูชามาขายแพงขึ้นทำไมลูกค้าต่างประเทศถึงต้องจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้ข้าวที่เขาก็ซื้อโดยตรงจากกัมพูชาในราคาถูกได้เช่นกัน เป็นผม ผมก็ยกเลิก แล้วไปสั่งซื้อข้าวกัมพูชามากิน ข้าวเหมือนเดิม แต่ราคาถูกกว่า




ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "จำนำ"

By: ตระกองขวัญ : นโยบายจำนำข้าว ราคาในการจำนำย่อมมีการปรับเปลี่ยน มีขึ้นมีลง เป็นเรื่องธรรมดาแท้ๆ คำว่า "จำนำ" บอกทุกอย่างอยู่แล้ว แม้ใครไม่เคยเข้าโรงจำนำ ก็น่าจะรู้ และควรรู้ว่า ราคาจำนำนั้นไม่คงที่ ขึ้นกับสภาวการณ์ตลาด เช่นเดียวกับการจำนำข้าว รัฐก็ปรับเปลี่ยนได้ให้เหมาะสมกับราคาตลาดโลก

แรกเริ่ม เพื่อช่วยเหลือชาวนา รัฐอาจรับจำนำในราคาสูง แต่เมื่อชาวนาดีขึ้น รัฐก็สามารถปรับลดราคาจำนำลงได้หากราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาดมากเกินไป

หรือรัฐตั้งราคาจำนำสูงเกินไป มีผลกระทบต่องบประมาณเกินไป กระทบต่อวินัยการเงินการคลัง รัฐก็สามารถปรับลดได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือโลเลในนโยบายแต่อย่างใด

เพราะตัวนโยบายนั้น คือ "รับจำนำ" ส่วนตัวราคานั้นเป็นแค่วิธีการในการดำเนินงานเท่านั้นเอง

เรื่องปกติธรรมดาแท้ๆ ใช้ความคิดหน่อย มีสติหน่อยก็คิดได้..จำไว้นะ


By: สัจจะธรรมคือความจริง : โครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลคิดและทำโครงการขึ้นมาก็เพื่อ..

1. ให้ชาวนาขายข้าวมีราคาไม่ต้องโดนกดราคาจากโรงสี

2. เพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวนา ให้มีรายได้มากขึ้น

3. เพื่อความเป็นอยู่ของชาวนาจะได้ดีขึ้น

4. เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวมของประเทศ

รัฐบาลใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก เพื่อช่วยเหลือชาวนาให้ขายข้าวได้ราคา และชาวนาสามารถไถ่ถอนได้ถ้าที่อื่นให้ราคาสูงกว่าจำนำ รัฐบาลได้ข้าวเก็บไว้ในสต็อก ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี อาจขายข้าวได้ดีกว่าที่รับจำนำมาก็จะได้กำไร สามารถนำเงินที่ขายมาหมุนเวียนรับจำนำข้าวต่อไปได้อีกโดยไม่สูญเสียงบประมาณไปเปล่าๆเหมือนประกันราคาที่ไม่ได้ข้าวเก็บไว้ในสต็อกเลย

สรุป การรับจำนำ รัฐบาลปูได้ข้าว ชาวนาได้เงิน

ถ้าเทียบกับประกันสมัยมาร์ค ไม่มีข้าวไม่มีอะไรอยู่ในมือในโกดังเลย..นั่นละขาดทุนจริงๆ

การประกัน คือ การชดเชยเงินที่ชาวนาขายได้ต่ำกว่าราคาประกัน รัฐฯจ่ายเงินให้ไปฟรีๆ จ่ายไปเท่าไหร่ก็ขาดทุนเท่านั้น ไม่มีทางได้เงินคืน และข้าวก็ไม่ได้สักเมล็ด

ลองคิดดูแบบ หยาบๆง่ายๆ สมมุติ...ราคาตลาดโลก 10,000 บาท รัฐฯก็ประกันที่ 10,000 บาทเหมือนกัน

แต่พ่อค้ามาซื้อกด 6,000 รัฐฯต้องชดเชย 4,000 พ่อค้าไปขายก็จะได้กำไร 4,000 เหมือนกัน

แปลว่า เงินที่ชดเชยให้ชาวนาปีหนึ่ง ในระบบประกันประมาณ 70,000 ล้าน ก็แปลว่า พ่อค้าก็กำไรปีละประมาณเดียวกันนั้น

แล้วพ่อค้าส่งออกรายใหญ่เมืองไทยมีกี่ราย แบ่งกันอู่ฟู่เลย แล้วอย่างนี้ พวกนี้ ทำไมจะไม่ชอบ การประกัน ...ตกลงในความเป็นจริง รัฐบาลกำลังเอาเงินให้ชาวนา หรือ กำลังเอาเงินให้พ่อค้า

ส่วน การรับจำนำ ชาวนาสามารถไถ่คืนได้ถ้าที่อื่นหรือพ่อค้าให้ราคาสูงกว่าจำนำ ส่วนรัฐฯได้ข้าวเก็บไว้ในสต็อก ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี รัฐฯอาจขายข้าวได้ดีกว่าที่รับจำนำมาก็จะได้กำไร สามารถนำเงินที่ขายมาหมุนเวียนรับจำนำข้าวต่อไปได้อีกโดยไม่สูญเสียงบประมาณไปเปล่าๆเหมือนประกันราคาที่ไม่ได้ข้าวเก็บไว้ในสต็อกเลย

การที่ ชาวนา เอาข้าวมา จำนำ ต้องเป็นผู้ลงทะเบียนกับรัฐฯไว้ครับ


จับพิรุธข้าวเน่า คล้ายจัดฉากจงใจใส่ร้ายทางการเมือง
Credit: go6tv.com

ข้าวถุงที่นำมาทิ้งนั้นล้วนมีพิรุธ โดยมีข้อสังเกตดังนี้

ที่อ้างว่าเป็นข้าวเน่า จึงนำมาทิ้ง เหตุผลนี้มัน "ลอยๆ ไร้น้ำหนัก" เพราะปกติการค้าขายสินค้านั้น สินค้าจะอยู่ในมือของฝ่ายต่างๆ ไม่เกิน 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ผลิต-กระจายสินค้า ฝ่ายร้านค้า และ ลูกค้า

1. กรณีฝ่ายผู้ผลิต-กระจายสินค้า

กรณีสินค้าเน่าเสีย โดยปกติ หากมีสินค้าหมดอายุเน่าเสีย หีบห่อฉีกขาดเสียหาย ทั้งผู้ผลิตและผู้กระจายสินค้า จะมีระบบในการตรวจนับอายุวันหมดอายุ หากสินค้าใดใกล้หมดอายุไม่เกิน 3-6 เดือน ผู้ผลิตจะไม่ขายสินค้า แต่ก็จะไม่ทิ้งสินค้านั้น จะมีโกดังพิเศษ ไว้เก็บแยกของเน่าเสียโดยเฉพาะ

เหตุผลที่ผู้ผลิตจะเก็บสินค้านั้นไว้เพราะ ผู้ผลิตสามารถนำหีบห่อสินค้าที่ค้างสต็อกทั้งหมด ไปหักลบกับสินค้าคงเหลือ เคลมภาษีต่างๆคืน จากกรมสรรพพากร ซึ่งบริษัท โรงงานขนาดใหญ่รู้ดี และต้องเชิญกรมสรรพากร ไปตรวจสอบโกดังโรงงานทุกสิ้นปี และนัดหมายวันตรวจนับ "สินค้าเน่า" ให้สรรพากรได้ดู ตรวจนับ เพื่อเป็นหลักฐานขอคืนภาษีในส่วนสินค้าที่จ่ายไปก่อนแล้วไม่ได้ขาย

ดังนั้น ในฝ่ายผู้ผลิต จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ผู้ผลิตจะนำสินค้าเน่าเสียของตนมาแอบทิ้ง เพราะเท่ากับ "ทิ้งเงินสดๆ" ของตัวเอง

2. กรณีผู้ขายร้านค้า

กรณีสินค้าเน่าเสีย ในขณะที่อยู่ร้านค้า โดยปกติ บริษัททุกแห่งจะมีระบบการแลกคืน เปลี่ยนคืนสินค้าเน่าเสีย โดยร้านค้าจะต้องเก็บสินค้านั้นไว้ พอเซลล์มาทุกรอบเดือน ก็จะส่งมอบสินค้าเน่าเสียกลับไปเพื่อแลกสินค้าใหม่กลับมาวางขาย เป็นปกติ โดยเฉลี่ยการรับสินค้าเสียคืนทางธุรกิจ มักอยู่ประมาณไม่เกิน 1-2% ของปริมาณสินค้าทั้งหมดที่ขายต่อปี อีกทั้งปัจจุบัน มีระบบการตรวจสอบสินค้าเน่าเสีย หมดอายุของ อย.เข้มงวด สินค้าทุกหีบห่อ จะถูกตรวจสอบวันหมดอายุก่อนออกจากโรงงาน และตอนร้านค้ารับสินค้าเข้าร้านตัวเอง ก็มีระบบนับวันหมดอายุและสุ่มตรวจ (เช่นห้างใหญ่ทุกแห่ง จะไม่รับสินค้าที่มีอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือน เป็นต้น) อีกทั้ง เมื่อสินค้าวางขายแล้ว หากใกล้หมดอายุ จะมีระบบเตือนด้วยคอมพิวเตอร์ สั่งให้เก็บสินค้าคงเหลือนั้นขึ้น เพื่อส่งคืนหรือแลกเปลี่ยนกับผู้ผลิตโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น ในฝ่ายร้านค้า โอกาสที่จะมีข้าวเน่า จากทางร้านค้าออกมาแทบจะเป็นศูนย์

3. กรณีผู้บริโภค

ปกติทุกคน หากซื้อสินค้า-อาหาร อะไรก็ตามแล้วมีความผิดปกติ (ไม่จำเป็นต้องเน่าเละตามภาพ) ทุกคนจะเอาสินค้านั้น "กลับไปคืน หรือแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าชิ้นใหม่" พร้อม "ก่นด่าห้าง-ร้านค้าที่ตัวเองไปซื้อ" เป็นธรรมชาติของผู้ซื้อ และห้าง-ร้านค้าทุกแห่ง (โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า) จะมีระบบ รีฟัน Refund คือแผนกรับแลก-คืนสินค้า แม้สินค้าจะแทบไม่เป็นอะไรเลย แต่ห้างไม่ต้องการให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ก็จะรับ Refund สินค้าคืนหมดเพราะสามารถนำไปคืนเจ้าของสินค้าได้อยู่แล้วเป็นปกติ

ดังนั้น ฝ่ายลูกค้า หากซื้อสินค้าไปแล้วมีปัญหา ย่อมแลกคืน หรือเปลี่ยนใหม่ได้

4. การทำลายสินค้า

ปกติทางการค้า เจ้าของสินค้าทุกยี่ห้อ จะรวบรวมสินค้าเน่าเสีย ฉีกขาด ทั้งหมดไว้เพื่อทำภาษีคืน และจะมีการทำลายสินค้าดังกล่าว (หากเป็นบริษัทใหญ่) จะมี จนท. กรมสรรพากร มาเป็นสักขีพยานในการทำลาย เช่น ที่โรงงานแถบอยุธยา จะมีโรงงานทำลายสินค้า มีเตาเผาขนาดยักษ์ ขนสินค้าที่ผ่านการตรวจนับว่าเน่าเสียแล้ว ไปเข้าเตาเผาโดยมีเอกสารจากกรมสรรพากร มี จนท.มาตรวจสอบทุกขั้นตอนและนับจำนวนว่าถูกต้อง และทำการทำลายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ลงลายมือชื่อ ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด

วิเคราะห์ภาพข้าวเน่า...

จากภาพ การทิ้งถุงข้าวเน่าในป่า ในปริมาณ 30-40 ถุง

ตั้งสมมุติฐานว่า หากจำนวนข้าวมากถึง 40 ถุง ถามว่า ใครจะนำมาทิ้ง

ผู้ผลิต มีระบบเคลมภาษี เขาก็ไม่ทิ้ง ต้องเก็บไว้ทำภาษีคืน

ผู้ขาย มีระบบวันหมดอายุ เขาก็ไม่ทิ้ง ส่งคืนให้เจ้าของสินค้าแลกของใหม่

ผู้บริโภค ปกติซื้อข้าวกินครั้งละ 1 ถุง คงไม่บ้าซื้อ 40 ถุงแล้วเน่า แต่ไปโยนทิ้งพงหญ้า

คนทิ้งข้าว 40 ถุง คงไม่ใช่ทั้ง ผู้ผลิต ผู้ขาย และ ผู้บริโภค เพราะทั้งสามฝ่ายต่างมีส่วนได้เสียกับปริมาณข้าวมูลค่า 4-5,000 บาท คงไม่มีใครทิ้งไปเฉยๆ

ข้อสังเกต สถานที่พบข้าวเน่า ในแต่ละแห่ง มักเป็น "ภาคใต้" ทั้งสิ้น และมักเกิดขึ้นในที่มิดชิดเช่น "ในถุงยังชีพ" "ในป่าข้างทาง" โดยปกตินั้น สินค้าหากเน่าจริง ต้องพบได้ทุกแห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเจอใน ห้างท็อปส์ เซ็นทรัล หรือเจอในถุงข้าวห้างโลตัสเอ็กเพรส กลางสยามสแควร์ ข้าวเน่าคงไม่ "เน่าเฉพาะแห่ง"

แต่ในข่าวนั้น มักพบใน "ถุงข้าว" ที่ปิดมิดชิด ผ่านการ "เก็บส่วนตัว" ระยะหนึ่ง หรือมักพบในจุดที่ดูลึกลับ เช่น ผ่านการเก็บไว้ที่ อบต. ก่อนนำแจกจ่าย และอย่าลืมว่า สามารถสร้างสถานการณ์ข้าวเน่าได้ เช่น ฉีดน้ำเน่าผ่านเข็มฉีดยา เข้าไปที่ถุงข้าวแล้วทิ้งไว้ไม่เกิน 5 วัน ข้าวเน่าได้ ปกติ แช่ข้าวในน้ำสะอาด ข้ามวันก็เหม็นได้แล้ว

หากตรวจสอบระยะเวลาจากข่าว ว่ารับข้าวไปเก็บไว้ใน อบต. วันที่ 5 และแจกจ่ายวันที่ 9 ก็ผ่านไป 4 วัน ก็พอดีกับระยะเวลา "ข้าวเน่า" ได้สบายๆ

ล่าสุด เจอบางภาพมีพิรุธกว่านั้น ถ่ายจากถุงข้าวมียี่ห้อ สภาพเหมือนวางในห้าง "แต่บรรยากาศรอบภาพ มืดสนิท" ปกติคนเดินห้างเวลาเปิดบริการ จะเปิดไฟสว่างไสว หากจะหยิบมือถือถ่ายภาพ ก็จะสว่างชัดเจนไปทั้งภาพ แต่ข้าวเน่าในถุงที่จงใจถ่าย ความสว่างของสถานที่รอบๆ ภาพนั้น กลับมืดเหมือนแอบถ่ายตอนห้างปิดบริการ ดับไฟ!

ขอร้องว่า อย่าต้องการเอาชนะทางการเมือง โดยการทำลายข้าวไทยเลย!


กระชากหน้ากากตอแหลพรรคประชาธิปัตย์ รมช.ณัฐวุฒิเผยภาพ "ถุงข้าวเน่า" เป็นปีการผลิต 29 มีนาคม 2554 เป็นข้าวสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และยังไม่มีโครงการรับจำนำข้าว

เฟสบุ๊ค นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เผยแพร่ภาพถุงข้าวเน่าที่เป็นข่าว ตรวจสอบวันที่ผลิตพบว่าเป็นข้าวเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2554 สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ชัดเจนว่าจงใจจัดฉากใส่ร้าย โดยมีข้อความดังนี้

" เพิ่มเติมประกอบการกระชากสำนึกของ ปชป.

ผมสั่งการพาณิชย์ จ.กระบี่ ไปถ่ายภาพข้าวถุงที่ "ปลาบู่" แถลงอยู่ ๓ วันแล้วว่าเป็นข้าวเน่าจากร้านถูกใจมาให้ดู พบว่าเป็นข้าวขาว ๑๐๐% ซึ่งลงวันที่ผลิตชัดเจนว่า ๒๙ ๐๓ ๒๕๕๔ (ตามรูป)คงไม่ลืมนะครับว่าขณะนั้นเป็นรัฐบาลชุดก่อนทำหน้าที่อยู่ ยังไม่มีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกโดยรัฐบาลชุดนี้เลย

ขออนุญาตไม่เปิดเผยยี่ห้อของเอกชนเดี๋ยวจะเป็นประเด็นเหมือนพิธีกรทีวี แต่เจ้าหน้าที่แจ้งบริษัทดังกล่าวตรวจสอบแล้วถ้าพบเป็นการจัดฉากหรือจงใจสร้างความเสียหาย "ปลาบู่" คงงานเข้า

แน่นอนว่าถ้าเข้าข้อกฎหมายกระทรวงพาณิชย์จัดการไม่ละเว้น แต่การใช้เทคนิคแถลงบิดไปบิดมาต้องใช้กฎสังคมคือการประณามความเท็จและช่วยขยายความจริงเข้าจัดการครับ "

* * * * *

ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รมช.พาณิชย์: " เอาเข้าไป...ยังมีคนแถๆๆๆๆๆๆแล้วก็แถ ว่าข้าวที่กระบี่วางขายในร้านถูกใจอีก

ผมโพสต์ตั้งแต่ตอนสายแล้วว่า พาณิชย์ จ.กระบี่ ยืนยันหลังตรวจสอบว่าไม่มีร้านถูกใจที่กระบี่ขายข้าวยี่ห้อดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งหมด ๑๑ ร้านพิสูจน์ได้

จริงๆไม่ต้องใช้ปัญญาอะไรมากแค่เปิดตาดูก็เข้าใจ แต่อคติมันขึ้นสมองจนไม่เหลือไว้ใช้คิดอะไรเลย....สลิ๊ม สลิ่ม "

สมาคมข้าวถุงท้าพิสูจน์กินข้าวตายจ่าย 20 ล้าน


สองสามสัปดาห์ ที่ผ่านมานี้ผมขอเรียกว่า สัปดาห์แห่งการทุรนทุรายของแมลงสาป

By: สายลมรัก : สอง-สามสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมรู้สึก..

เอือม..
เบื่อ..
อึดอัด..
กับอาการ ทุรนทุรายของ พลพรรคแมลงสาปเหลือเกิน เมื่อมีท่าทีว่ารัฐบาลปู จะอยู่ครบวาระ เมื่อ ม๊อบไล่ฝ่อ ชาวนาเอาด้วยกับโครงการจำนำข้าว สิ่งละอันพันละน้อย กับการโจมตี ด้วยน้ำลายอันเหม็นบูด ฯลฯ ที่ดูๆแล้วไม่มีอะไรระคาย กับการเดินหน้าทำงานของรัฐบาล

มองไปทางซ้าย...หลังจากสุภา ออกมาบอกว่าไม่ได้พูดว่าโครงการจำนำข้าว โกงทุกขั้นตอน แค่เธอบอกว่ามีโอกาสจะทุจริต ส่วนใครเอาไปใส่สี ตีไข่นั้น เธอไม่รู้เรื่อง

หนำซ้ำคำแนะนำของสุภา ที่เธอขอให้ผู้ปฎิบัติ ติดชิพที่กระสอบข้าวเพื่อกันเวียนเทียน พอรัฐบาลสั่งให้ทำตามคำแนะนำของสุภา

จากสุภาที่แสนดี สุภา คนจริง สุภา ยอดหญิง สุภา ฯลฯ ของแมลงสาป

คำแนะนำของสุภา กลายเป็นเรื่อง "ตลก" "เปลืองงบ" "โง่" ฯลฯ

ก็ไหนว่าดีนักดีหนา ก็ไหนว่าต้องฟังและทำตาม ทำไมยังกลับลำด่าได้อีกหละไอ้พวกเอี่ยยยยยยย...

เคยมีคนถามผมว่า ทำไมแมลงสาปเขาถึงมีปัญหากับ จำนำข้าวนักหละพี่

ผมได้แต่อมยิ้ม กรุ้มกริ่มเล็กๆ หลังจากกระแอมเสลดนิดๆแล้ว ผมก็ตอบว่า

เพราะชาวนา เป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ ของนักการเมืองทั้งประเทศ หากใครดูแลชีวิต รายได้ ของชาวนาให้เขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นั่นย่อมหมายถึง... เขาจะครองใจชาวนาซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศและมีผลในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างแน่นอน หากโครงการจำนำข้าวนี้ไม่คว่ำ แมลงสาป จะต้องแพ้เลือกตั้ง แพ้เลือกตั้ง และแพ้เลือกตั้ง แบบ อินฟินิตี้ (แปลว่า แพ้ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ)

เผลอๆ หาเสียงครั้งหน้า มาร์คจะบอกว่า ประชาธิปัตย์ จะออกโครงการรับจำนำข้าว ตันละ 3 หมื่นบาท แน่นวลลลล แต่จะมีสร้อยต่อท้ายว่า ฟามจริงมาร์คคิดมาก่อนหลายสิบปีแล้ว แต่เผอิญยังไม่ได้ทำ (ฮา)

* * * * *

จริงๆ การเห็นใจคนจน เข้าใจหัวอกคนด้อยโอกาสนั้น ทักษิณเป็นคนแรกที่ เสือกคิด หลังจากประชากร ส่วนใหญ่เราจนซ้ำซากมายาวนาน ทักษิณ บอกกูก็แก้ไม่ตก เรื่องรับประทานงบประมาณ กว่าจะถึงมือชาวบ้าน จาก 1 ร้อยบาท ไปถึงปลายทางชาวบ้านได้ 5 บาท

ทักษิณบอก เอางี้ หากจะรั่ว ก็ให้แม่มรั่วในมือชาวบ้านเลย (ฮา) หมายถึงไปรั่วกันทั้ง 100 บาทนั่นแหละ

กองทุนหมู่บ้าน.. SME.. โอทอป.. จำนำข้าว หรืออีกหลายสิบโครงการ.. จึงบังเกิด

ส่วนแมลงสาป ตกใจแทบสิ้นสติ ไม่สมประดี พอรู้ตัวว่า พลาด เพราะดูถูกเหยียดหยาม ชาวบ้านมาเรียกร้องอะไร ก็บอกว่ามีเบื้องหลัง เลยมีภาพยนตร์เรื่อง ประชาชนต้องมาก่อน ก็เอาโลงศพไปก่อน กันเกลื่อนเมือง

จะกลับลำก็ไม่ทัน จะทำคะแนนไล่ก็ไม่ทันอีก (คิดดูแจกเงินฟาดหัวคนละ 2 พัน ยังแพ้เลย) เลยใช้วิธีการ ทำลายมันซะ

มันทำดี เราก็บอกว่าไม่ดี มันไปซ้ายเราต้องบอกขวา มันไปขวา เราก็เอาซ้าย มันไม่ไปไหน เราก็ยืนด่ามันตรงๆ

* * * * *

ตอนนี้ เคยได้ยินสักแอะมั้ย เรียกร้องให้รัฐบาล เลิกโครงการจำนำข้าว เพราะเห็นพลังชาวนา จากทีแรกที่บอกว่าชาวนาไม่ชอบ โรงสีรวย แต่พอจะลดราคา โรงสีไม่ประท้วง ชาวนาเว้ยเฮ้ยที่ประท้วง

มาร์ค จึงรูดปากสนิท กลายมาเป็นข้าวเน่าเข้ามาแทนที่แทน เพื่อให้รัฐบาลมันขายข้าวไม่ได้แทน

การสร้างอุปาทานหมู่ แบบเดียวกับการตะโกนในโรงหนังสมัยก่อน จึงได้เกิดขึ้นแบบ ผิดปกติ และมิได้นัดหมาย ดีน๊ะ ที่แม่มไม่บอกว่า กินข้าวแล้วจู๋หด แบบ ข่าวลือก๋วยเตี๋ยวเวียดนามสมัยก่อน

นี่คือ"การเล่นการเมืองโดยไม่สนว่าประเทศชาติจะฉิบหายอย่างไร ชัดๆ"

มองไปที่กรณ์ พอแกว่าง แกก็ ผัดเผ็ดลา กับทำต้มยำควายให้สาวกแกซด เอาดื้อๆ ในเรื่องไปหาหมู่บ้านคนเสื้อแดงที่ขอนแก่น แถม อาหารทางสมองที่แกยัดเยียดให้สาวกแกรับประทาน ได้ผลดีเสียด้วย

ผมอ่านในพันทิปแล้วก็ขำ สาวกแมลงสาปแต่ละตัว ทั้งนาย ทั้งนาง ตะแบง ข้างๆคูๆ ใช้การเล่นคำ กันจนเลือดจากสีข้าง สาดกระเซ็นในกระทู้เต็มไปหมด

ไอ้ผมหนะไม่แปลกใจหรอก เพราะรู้ว่า รักย่อมเข้าใจในรัก

แต่ไม่เข้าใจว่า นายกรณ์ แกจะหลอกสาวกแกให้เขาและเธอเหล่านั้น "โง่ลงกว่าเดิมทำไม" ไอ้ที่แล้วๆมา ก็โง่จนสุดเยียวยาแล้ว จะทำร้ายผู้มีพระคุณไปถึงไหนกันเนี่ยหือ...พ่อ กรณ์ พ่อมหาจำเริญของกระผม

สรุปว่า ตอนนี้ ไม่มีอะไรระคายผิวรัฐ

ยิ่งรัฐบาลรู้แกว เผลอๆ ยังไม่เสนอกฎหมายร้อน แต่เอาเงินกู้พัฒนาประเทศ 2.2 ล้าน เข้าสภาก่อน

ข่าวแว่วมาว่า งานนี้ยอมไม่ได้ หัวเด็ดตีนขาดก็ยอมไม่ได้ เพราะถ้าผ่าน รัฐบาลทำงานชิ้นโบวแดงนี้ได้ ครั้งหน้า ปชป. อาจเหลือ สส. แค่ 50 คน

เผือกร้อนจึงไปอยู่ที่องค์กร กดปุ่มซ้ายหัน ขวาหันได้ แว่วๆ มาว่า อาจมีโบนัสไปถึงยุบพรรค อีกครา เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้นะพวกเรา

ปล้นด้วยปืนซึ่งๆหน้าไม่สะดวกแล้ว ใช้วิธีย่องเบา คนก็จับได้อีก ตอนนี้ก็จะใช้วิธีเอามีดจี้ ตรงมุมตึกแทน

โจรชุมจริงๆ ประเทศนี้ แต่แม่มใส่ชุดเทวดา เดินไปเดินมาในสังคมนี้มาหลายสิบปีอย่างสะดวกโยธินได้ด้วยนะเมิง (ฮา)