@ เพิ่งเคยเห็นนายกฯคนแรกนี่แหละ ที่สนับสนุนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์
@ แด่..มนุษย์เงินเดือน "อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"
@ สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)
@ ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม
@ ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!
@ ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ
@ สาระน่ารู้... เขาซื้อทองคำ ขายทองคำ กันอย่างไร?????
@ เฮ้อ!! ณ นาทีนี้..บอกได้คำเดียว เสียดาย..เสียดายครับ...นโยบายดีๆที่คน กทม. ไม่เอ๊า..ไม่เอา...
คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...
รัฐบาลชวน บริหาร ปรส.ขาดทุน 650,000 ล้าน ปปช.บอกว่ามีทุจริต นายชวนไม่เกี่ยวข้อง...
By: pamanpaman
ต้องรู้ว่า ปี 2535 ชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ อนุญาตให้เปิด BIBF แปลไทยคือ อนุญาตให้นำเงินนอกเข้าประเทศโดยไม่มีมาตรการรองรับ ธนาคาร ไฟแนนซ์ต่างๆ ก็แห่ไปกู้เงินนอกดอกเบี้ยต่ำเข้ามาปล่อยกู้ในประเทศเพื่อกินส่วนต่างที่ห่างพอสมควร (กู้มาร้อยละสามจากต่างประเทศมาปล่อยต่อร้อยละสิบหกในประเทศ) หากไม่เริ่มตรงนั่นพลเอกชวลิตก็คงไม่ถูกใส่ร้าย
ปี 2537 เริ่มมีแววเจ๊ง ลูกหนี้เริ่มมีหนี้เสียปล่อยให้ธนาคารฟ้องยึดทรัพย์ ไฟแนนซ์ปล่อยให้ซื้อรถมากแต่ลูกหนี้ปล่อยให้ยึดรถ
ปี 2538 รัฐบาลบรรหารแก้ปัญหาไม่ได้ทำอะไรไม่เป็นเพราะ ปชป.กวนทั้งปี
พอปี 2539 รัฐบาลชวลิตเข้าบริหารประเทศและตั้ง ปรส.ขึ้นมา เพื่อแยกหนี้ดี-หนี้เสียออกจากกัน แล้วค่อยประมูลขาย เพื่อปลดล็อกสินทรัพย์ทั้งหลายถูกแช่แข็งอยู่ออกมาหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ อย่างรวดเร็วที่สุดและโปร่งใสที่สุด แต่ทำงานได้ 11 เดือนต้องลาออก เพราะฝีที่ ปชป.ก่อเอาไว้แตก เจ้าหนี้ต่างประเทศเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ที่อยู่ในไทย รัฐบาลต้องไปขอกู้เงินจาก IMF มาช่วย และถูกบังคับให้ลดค่าเงิน
ส่วนนายกฯทักษิณ จะรวยจากงานนี้หรือไม่ไม่รู้ ใครรู้ก็เอาหลักฐานมาแสดง ถ้าพูดแต่ปากก็ไม่น่าเชื่อถือ
ปี 2540 ชวนเป็นรัฐบาลงูเห่าภาคแรก สั่งปิดสถาบันการเงิน 58 แห่ง นำทรัพย์สินของ 58 สถาบันการเงินมาขายให้ต่างชาติแบบเหมาเข่ง ไม่ได้มีการแยกสินทรัพย์ดีและเสีย (Good Bank – Bad Bank) โดยออกระเบียบห้ามคนไทยซื้อ ทรัพย์สินราคา 800,000 ล้านขายได้ 190,000 ล้าน ต่างชาติที่ซื้อได้นำมาขายให้เจ้าของเดิมกินกำไรอย่างอิ่มหมีพีมัน ทำให้ต้องขาดทุน 650,000 ล้านบาท งานนี้ ปปช.บอกว่ามีทุจริต แต่กันนายชวนออก บอกว่าไม่เกี่ยวข้อง
By: Grand Cru
ขอเสริม.. BIBF เป็นต้นตอของฟองสบู่ เป็นต้นเหตุของต้มยำกุ้ง พลเอกชวลิตเป็นแค่ปลายเหตุนะครับ
การเปิดเสรีทางการเงินที่เรียกว่า BIBF โดยไม่มีมาตรการรองรับของรัฐบาลชวนขณะนั้น (รมต.คลังโดยคุณธารินทร์) ทำให้เกิดความบิดเบือนของเศรษฐกิจและเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงตามมา
การไม่มีกลไกควบคุมที่ดีทำให้เงินที่เข้ามาส่วนใหญ่ ถูกนำไปใช้ผิดประเภทและกลายเป็นปัญหาฟองสบู่ตอนหลัง
ตัวอย่าง หลังเปิดเสรี BIBF เงินทะลักเข้าประเทศไทยมหาศาล แต่กลับไม่ส่งผลดีกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจเพราะแทนที่เงินจะเข้าไปอยู่ในภาคการผลิตเช่นขยายโรงงาน ซื้อเครื่องจักรซื้อเทคโนโลยีที่ทันสมัย จ้างแรงงานที่มีฝีมือเพิ่มฯลฯ เงินก้อนนี้กลับไปอยู่ในภาคการเงินและอสังหาฯแทน
เพราะไม่มีมาตรการควบคุมที่ดีหรือทันต่อสถานการณ์ เงินเลยไหลไปเก็งกำไรที่ดิน ไปเก็งกำไรหุ้น ไปเก็งกำไรคอนโดฯ ทำให้ราคาที่ดินพุ่งจากไร่ละไม่กี่หมื่นกลายเป็นหลักล้าน จากหลักแสนกลายเป็นหลายๆล้าน คอนโดฯบางแห่งราคาสูงเสียดดอยจนขายต่อไม่ออก และสุดท้ายฟองสบู่แตกกลายเป็น NPA หรือ NPL ให้ประชาชนรับภาระในที่สุด คิดดูครับไปเอามาร้อยละสามจากต่างประเทศมาปล่อยต่อร้อยละสิบหกในประเทศ ลวงตากันมากๆ
เพราะอะไร BIBF ครับ
เสื้อสูทหล่อๆกันทั้งนั้น นั่งอยู่ในพรรคคนดีก็หลายคนนะครับ (เพราะรวยมาด้วย BIBF ท่านถึงไม่คอมเพลนเรื่องนี้กันซักแอะ)
นี่แหละครับต้นตอ ตอนนั้นผมก็เลือก ปชป.แหละ แต่หลังจากนายชวนและพวกโชว์วงสวิงบู่ๆแบบนี้ แถมนิสัยไม่แมนไม่ยอมรับว่าตัวเองบ้อท่า เอาแต่ไปโทษบิ๊กจิ๋ว ผมเลยเห็นนิสัยครับ ตั้งแต่นั้นเลยหันหลังให้ ปชป.เพราะรู้ว่าคนทำกับคนพูดมันต่างกันยังไง
วันนี้ 6มิ.ย.56 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวที่มีการระบุว่าขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาท ว่า ขอยืนยันว่าความเสียหายยังอยู่ในระดับหลักหมื่นล้าน ไม่ใช่ 2.6 แสนล้านบาท อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุแน่นอน ส่วนจำนวนที่แน่ชัดนั้นในวันที่ 7 มิ.ย.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ จะเป็นผู้ชี้แจงตัวเลขในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งขณะนี้นายบุญทรง อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลอยู่
ทั้งนี้ สำหรับเรื่องข้าวจริงๆแล้วมีสองล็อต ได้แก่ ล็อตแรก คือ ก่อนหน้ารัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งมีข้าวค้างสต็อกอยู่จำนวนมาก แต่เรามีการระบายออกมาได้เยอะแล้ว เป็นข้อดีที่ยังไม่ได้มีการพูดถึงกัน
และ ล็อตที่สองที่รัฐบาลชุดนี้มาบริหารประเทศ ในปี 54–55 มีการรับจำนำหมดแล้ว เหลือแต่ขายออก
และปี 55–56 ขั้นตอนการรับจำนำยังไม่เสร็จสิ้น แต่กับมาตีกัน ได้อย่างไรว่าขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท